เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ IVF (ไอวีเอฟ) หรือ การทำเด็กหลอดแก้ว (IN-VITRO FERTILIZATION )
เป็นเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มอัตราการตั้งครรภ์ โดยการคัดเซลล์ไข่ ที่สมบูรณ์จากฝ่ายหญิงและคัดอสุจิที่แข็งแรงของฝ่ายชาย ปฏิสนธิกันในห้องปฏิบัติการ เมื่อปฏิสนธิแล้ว จึงย้ายตัวอ่อน หรือเอ็มบริโอ (EMBRYO) กลับโพรงมดลูกของฝ่ายหญิง โดยเทคโนโลยีนี้เป็นที่นิยมและมีประสิทธิภาพมากที่สุด สำหรับผู้มีภาวะมีบุตรยาก
ข้อดีของการทำเด็กหลอดแก้ว
✓สามารถตรวจโครโมโซม เพื่อลดความผิดปกติทางพันธุกรรมได้
✓สามารถคัดกรองโรคทางพันธุกรรมกลุ่มเสี่ยงบางอย่างภายในครอบครัว เพื่อแก้ไขปัญหาทารกคลอดผิดปกติทางพันธุกรรมได้
✓เพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ได้สูง เทียบกับการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติและการฉีดเชื้อ
✓สามารถเก็บไข่ น้ำเชื้อและตัวอ่อนได้เป็นระยะเวลานาน
✓สามารถทำได้ในฝ่ายหญิงและฝ่ายชายที่เคยผ่านการทำหมันมาแล้ว
ข้อจำกัดในการทำเด็กหลอดแก้ว
- ราคาค่อนข้างสูง
- ใช้เวลาในการกระตุ้นไข่และย้ายตัวอ่อนนาน ถ้าเทียบกับการฉีดเชื้อ แต่โอกาสตั้งครรภ์สูงกว่า
- ภาวะแทรกซ้อนบางอย่าง เช่น ภาวะรังไข่ตอบสนองต่อการกระตุ้นไข่มากเกินไป (Ovarian Hyperstimulation Syndrome (OHSS) การตั้งครรภ์แฝด การติดเชื้อหลังการเก็บไข่
ความเสี่ยงของการทําเด็กหลอดแก้ว
การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงจากการรักษาได้ เช่น
- ภาวะรังไข่ตอบสนองต่อการกระตุ้นไข่มากเกินไป (Ovarian Hyperstimulation Syndrome (OHSS) ภาวะนี้เกิดจากการที่ร่างกายตอบสนองต่อยากระตุ้นมากเกินไป ทำให้มีอาการท้องอืด, กดเจ็บที่บริเวณช่องท้อง, มีอาการคลื่นไส้อาเจียน หรืออาจมีอาการรุนแรงได้หากไม่ได้ดูแล
- มีโอกาสตั้งครรภ์แฝด การตั้งครรภ์แฝดขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น จำนวนตัวอ่อนที่ย้าย, อายุฝ่ายหญิง, สาเหตุของภาวะมีบุตรยาก ยิ่งมีการย้ายตัวอ่อนจำนวนมากเท่าใด และฝ่ายหญิงมีอายุน้อยมากเท่าใด โอกาสในการตั้งครรภ์แฝดก็ยิ่งสูงขึ้น เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์แฝด (แฝดสอง, แฝดสาม ฯลฯ) แพทย์จะแนะนำให้ย้ายตัวอ่อนกลับเพียงแค่ตัวเดียว
- เลือดออกหรือติดเชื้อหลังการเก็บไข่
- มีโอกาสท้องนอกมดลูก พบได้น้อยมาก
- ความผิดปกติของโครโมโซม, ภาวะออทิสติก, ภาวะความผิดปกติทางสติปัญญา, และความผิดปกติโดยกำเนิด : บางงานวิจัยพบว่าการรักษาด้วยวิธี ICSI อาจสัมพันธ์กับการเกิดความผิดปกติดังกล่าวข้างต้นเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับเทคนิค IVF และการตั้งครรภ์โดยธรรมชาติ แต่หากมีการตรวจโครโมโซมตัวอ่อนก่อนการฝังตัวควบคู่ไปด้วย จะช่วยเลือกตัวอ่อนที่แข็งแรง ลดความเสี่ยงของทารกที่มีภาวะดาวน์ซินโดรม และความผิดปกติทางพันธุกรรมได้มากกว่าวิธีตามธรรมชาติ และลดโอกาสแท้งได้
อาการที่ควรไปพบแพทย์หลังทำเด็กหลอดแก้ว
ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษา หากกําลังทำเด็กหลอดแก้วแล้วมีอาการดังต่อไปนี้
- มีไข้สูง ( >38.5 องศาเซลเซียส)
- ปวดท้องน้อย
- ตกขาวผิดปกติ
- มีเลือดออกมากทางช่องคลอด
- ปัสสาวะแสบขัด หรือมีเลือดปะปน
พญ.พัชรินทร์ เกียรติสารพิภพ
สูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผู้มีบุตรยาก