โดย รศ.นพ.คมกริช ฐานิสโร (แพทย์รังสีร่วมรักษาด้านมะเร็งตับ)
ไม่เคยเป็นมะเร็ง ไม่ใช่ว่าจะไม่เป็น ?
เรายังไม่เป็นมะเร็ง เราไม่เคยเป็นมะเร็ง ไม่เคยรักษามะเร็งมาก่อน เราจะมีวิธีการดูแลตัวเองอย่างไร ให้ห่างไกลจากโรคมะเร็ง รวมถึงพฤติกรรม ที่จะช่วยลดโอกาสความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งได้
คำถามที่ 1 : พฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็ง มีอะไรบ้าง?
หากจะพูดถึง พฤติกรรมอะไรที่จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง ก็อาจจะพูดยาก แต่หากให้บอกว่า พฤติกรรมอะไรที่เราทําแล้วมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งน้อยลง สิ่งนั้นน่าจะง่ายกว่า โดยจะขอพูดแยกเป็นสองเรื่องคือ
'กรรมเก่า' กับ 'กรรมใหม่'
กรรมเก่า คือสิ่งที่อยู่ในยีนส์ และพันธุกรรมของเรา หรือว่าเรามีความเสี่ยงอยู่ในตัวอยู่แล้ว ซึ่งกรรมเก่าเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่สิ่งที่เราเปลี่ยนแปลงได้ก็คือ
กรรมใหม่ คือพฤติกรรม ซึ่งพฤติกรรมก็คือสิ่งที่เราสรรหา สิ่งที่เราปฏิบัติ แล้วก็สรรสร้างให้ตัวเราเอง
ทริคเล็กๆดูแลตัวเองให้ห่างไกลมะเร็ง ด้วยหลัก 5 อ.
เรากําลังพูดถึงพฤติกรรมของคนที่ยังไม่เป็นอะไรเลย เรายังไม่เป็นมะเร็ง เราไม่เคยเป็นมะเร็ง ไม่เคยรักษามะเร็งมาก่อน พฤติกรรมตามหลัก 5 อ.นี้ มีโอกาสที่จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง
อ.ที่ 1 อาหาร
เนื่องจากเรามีความเชื่อว่าโรคมะเร็ง หรือโรค NCDs (โรคที่ไม่ติดต่อ) เพราะฉะนั้น พฤติกรรมและการรับประทานอาหารที่เชื่อว่า จะช่วยให้ลดโอกาสเกิดโรคไม่ติดต่อโรคเบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ หรือว่าโรคอ้วน ก็เป็นปัจจัยเสี่ยง และนํามาสู่การป้องกันโรคมะเร็งได้เหมือนกัน หากพูดถึงเรื่องของอาหาร ในปัจจุบันเราก็จะพูดง่าย ๆ โดยใช้หลัก 3 ประการ ดังนี้
หลักการง่ายๆ ที่ทุกวันนี้เราก็ทํากันอยู่แล้ว หลายคนก็ทำด้วยวิธีลดข้าว บางคนก็ทานข้าวให้เหลือปริมาณน้อยลง บางคนก็ทานอาหารเหลือแค่ 2 มื้อ ซึ่งก็เป็นหลักการเดียวกัน คือการลดปริมาณแป้ง และน้ำตาล ร่างกายเราก็จะมีปริมาณแคลอรี่ที่เหลือลดน้อยลง ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงที่จะนําไปสู่ปัญหาโรคอ้วนและโรคอื่นๆ มากขึ้น
2.รับประทานอาหารกลุ่มผัก
3.รับประทานอาหารเนื้อสัตว์
บางคนไม่ทานเนื้อวัว เนื้อหมู หรือเนื้อที่มีสีแดง ในข้อเท็จจริงทางการแพทย์ในปัจจุบันนี้ยังค่อนข้างไม่ชัดเจน ตอนนี้เรายังมีความเชื่อว่า ถ้าหากทานในปริมาณที่ไม่ได้มากเกินไป ถ้าเป็นเนื้อสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อไก่ ที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการต่างๆ มากเกินไป ก็ยังสามารถรับประทานแทนกันได้ เช่น เอามาทําเป็นไส้กรอก เอามาทําเป็นแฮม เอามาทําเป็นลูกชิ้นปิ้งมาทําเป็นหมูยอ กุนเชียง แต่อาจจะให้หันมาทานอาหารเนื้อสัตว์ที่เป็นกลุ่มที่เป็นเนื้อสีขาวมากขึ้น เช่น เนื้อปลา เนื้อไก่ ในปริมาณที่พอสมควร เราอาจจะมีการเปลี่ยนพฤติกรรมไปทานอาหารโปรตีนที่มาจากพืชมากขึ้น แต่โปรตีนที่มาจากพืช ปริมาณของโปรตีนไม่ได้สูงเทียบเท่าเนื้อสัตว์ คำแนะนำสำหรับการรับประทานเนื้อสัตว์ให้เน้นสัดส่วนของเนื้อสัตว์สีขาว เช่น เนื้อปลา เนื้อไก่ ให้มากขึ้น
อ.ที่ 2 อากาศ
ฝุ่น PM 2.5 เรื่องของอากาศเป็นเรื่องที่เราจะพูดว่าหลีกเลี่ยงอะไรก็ค่อนข้างยาก โดยเฉพาะเรื่องของ PM 2.5 แต่สิ่งที่พอจะทําได้ คือ
อ.ที่ 3 อารมณ์
มีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ อารมณ์ด้าน negative อารมณ์ที่เป็นด้านไม่ดี จะเป็น ก. ไก่ จะเป็นส่วนใหญ่ เช่น อารมณ์เกลียด อารมณ์กลัว อารมณ์กังวล อารมณ์เหล่านี้คือ อารมณ์ที่จะนําไปสู่ความเครียด ซึ่งไม่ได้เกิดเป็นความเครียดเพียงด้านร่างกายเท่านั้น ความเครียดที่เกิดขึ้นจะส่งผลต่อทางด้านสมอง แล้วก็ความเครียดที่ส่งผลไปถึงจิตใจของเราเอง ทั้งหมดนี้มีการพิสูจน์แล้วว่า มันนําไปสู่ทําให้เกิดเซลล์นี่มีการตายได้เร็วกว่าปกติ มีเซลล์ที่เสื่อมลงได้เร็วกว่าปกติ และทําให้เซลล์เหล่านั้นมีโอกาสที่จะนําไปสู่การเกิดมะเร็งได้ด้วยเช่นเดียวกัน
อารมณ์ด้านบวกจะช่วยเสริมทําให้โอกาสเกิดโรคภัยต่างๆนั้นลดน้อยลง มีการศึกษาสนุกๆ ที่พบว่าเราไปกระตุ้นสมองบางส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะในสมองส่วนที่เรียกว่า limbic area เป็นสมองส่วนที่มีหน้าที่ในกระบวนการในการสร้างฮอร์โมนแห่งความสุข โดยมีการไปกระตุ้นสมองส่วนนั้นในสัตว์ทดลองซึ่งเป็นมะเร็ง ทําให้เป็นมะเร็ง และเราไปกระตุ้นสมองส่วนนั้น ทําให้มีการหลั่งฮอร์โมนความสุขออกมามากขึ้น ผลปรากฏว่าเซลล์มะเร็งหรือว่าขนาดของก้อนมะเร็งลดน้อยลง เล็กลงได้ถึง 50 % ซึ่งก็เป็นการศึกษาที่เพิ่งทํามา เมื่อปีสองปีที่ผ่านมา แล้วก็เป็นการศึกษาที่ทําให้เกิดความสนใจกันเป็นอย่างมากว่า หากว่าเราสามารถกระตุ้นอารมณ์ที่เป็น positive อารมณ์แห่งความสุข เราสามารถกระตุ้นฮอร์โมนแห่งความสุข ให้กับตัวเราเองได้แล้ว โอกาสที่จะควบคุมมะเร็งหรือว่ารักษาโรคมะเร็ง ให้ได้ผลที่ดียิ่งขึ้นก็อาจจะเป็นไปได้เช่นเดียวกัน
อ.ที่ 4 ออกกําลังกาย
การออกกำลังกายช่วยให้ป้องกันโรคของหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งมีการศึกษาในเรื่องของมะเร็งเต้านม มะเร็งลําไส้ใหญ่ พบว่าการออกกําลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็ช่วยให้ลดโอกาสการเกิดโรคมะเร็งได้เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม การออกกําลังกาย เราจะไปดูภาพเหมือนใน TikTok ในวิดีโอ ที่เขาออกกําลังกายกันแบบ extreme เรียกว่า intensive มาก ๆ อย่างนั้นก็คงจะไม่ไหว ต้องดูอายุ และสภาพร่างกายของเราด้วย หากเป็นผู้ใหญ่ ที่อายุเยอะแล้ว บางทีการออกกําลังกาย เพียงแค่การยืดเส้น ยืดสาย มีการเดินเล่นในรอบๆ หมู่บ้าน เดินเล่นแถวๆบ้านมีการ stretching มีการยืดเส้นยืดสาย แกว่งแขนบ้าง มีการออกกําลังกายแบบที่เราชอบ นั่นก็ถือว่าเป็นการออกกําลังกาย ที่เพียงพอระดับหนึ่ง
การออกกําลังกายระดับที่สอง คือ การออกกําลังกายโดย การเดินเร็ว วิ่ง ว่ายน้ำ หรือจะเล่นกีฬาที่เราชอบ ให้มีการเต้นของหัวใจเร็วขึ้น อย่างน้อยก็สัก 20-30 เปอร์เซ็นต์ ของอัตราการเต้นของหัวใจปกติ อย่างนี้เราเรียกว่าการออกกําลังกายแบบ 'cardio' (คาร์ดิโอ) ซึ่งสิ่งนี้ได้พิสูจน์แล้วว่า การออกกําลังกายอย่างสม่ำเสมอ หนึ่งสัปดาห์ต่อสัก 3 ครั้ง ครั้งหนึ่งต่อสัก 30 นาที จะทําให้ผลรวมต่อสุขภาพร่างกายของเราดีขึ้น ถ้าหากถามว่าทําไมจะต้องทําสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ก็ทําทุกวันเสียเลยก็น่าจะดีกว่า ถ้าทําได้เกิน 30 นาทีก็จะยิ่งดี จะช่วยทําให้อารมณ์เราดีขึ้นด้วย
อ.ที่ 5 องค์รวม
'องค์รวม' สิ่งนี้สําคัญมาก เพราะว่าบางคนจะสนใจ ใส่ใจในเรื่องของการรับประทานอาหาร ให้ความสําคัญกับเรื่องของอาหารค่อนข้างมาก บางทีก็มากเกินไป แต่ขณะที่ไม่ออกกําลังกายเลย อารมณ์ก็ไม่ค่อยดี นอนก็ไม่ค่อยหลับ เลยเป็นพฤติกรรมที่ไม่ใช่องค์รวม สิ่งที่เราปฏิบัติ หากเราปฏิบัติเพียงแค่ อ.เดียว ก็จะไม่ช่วยอะไรในภาพรวม
สุดท้ายแล้ว สิ่งสําคัญมาก ๆ ของเรื่องของพฤติกรรมลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งที่เราจะทําด้วยตัวเองได้ตามหลัก 5 อ. ก็คือ อ.ที่1 เรื่องการรับประทานอาหาร อ.ที่ 2 คือเรื่องของอากาศ อ.ที่ 3 คือเรื่องของอารมณ์ จริงๆแล้ว เรื่องของอารมณ์จะรวมเรื่องของการนอนหลับของเราด้วย ใน อ. ที่ 4 คือเรื่องของการออกกําลังกาย และ อ. ที่ 5 ก็คือองค์รวม ทุกสิ่งทุกอย่างเราจะต้องประกอบกัน แล้วก็ทําไปด้วยกัน ไม่หนักอะไรจนเกินไป ไม่น้อยอะไรจนเกินไป ไม่ตามใจตัวเองจนเกินไป โดยพฤติกรรมรวม ๆ เหล่านี้ ใช้คําว่า 'กรรมใหม่' คือ พฤติกรรมสิ่งที่เราเลี่ยงได้ สิ่งที่เราทําได้ และสามารถทําในระยะยาว ตอนที่เรายังไม่เป็นโรคมะเร็ง เราสามารถที่จะลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งได้แน่นอน
รับชมวิดีโอ
รศ.นพ.คมกริช ฐานิสโร
แพทย์รังสีร่วมรักษาด้านมะเร็งตับ
และรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มโรงพยาบาลแพทย์รังสิต
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน