เตรียมความพร้อมลูกน้อยก่อนเข้าเรียน ทั้งวัยอนุบาล และประถม
ก่อนเปิดภาคเรียน พ่อแม่ หรือผู้ปกครองหลายๆ ท่านมักมีความกังวลเรื่องการเตรียมตัวลูกน้อย หรือบุตรหลานของเราก่อนเข้าเรียน ไม่ว่าจะเป็นความกังวลใจด้านการเข้าสังคม การปรับตัว การเรียน หรือพัฒนาการของเด็กเอง วันนี้คุณหมอจึงอยากนำสาระดีๆ มาฝากคุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ปกครอง เพื่อใช้เป็นแนวคิด หรือแนวทางปฏิบัติก่อนส่งลูกน้อยเข้าโรงเรียน
เมื่อไหร่ควรส่งลูกไปเรียน ?
- ความพร้อมของเด็ก พ่อแม่ หรือผู้ปกครองควรดูความเหมาะสมของอายุเด็กในการเข้าเรียนแต่ละระดับชั้น รวมถึงระดับพัฒนาการของเด็ก
- ความพร้อมของครอบครัว ความพร้อมของการดูแลเด็ก การจัดกิจกรรมได้หลากหลายและสามารถส่งเสริมพัฒนาการได้อย่างเหมาะสม
สิ่งที่ต้องฝึกฝนเตรียมลูกก่อนไปโรงเรียน
- การช่วยเหลือตนเอง ลูกควรช่วยเหลือตัวเองได้ในเรื่องพื้นฐาน เช่น การติดกระดุม การถอดเสื้อ กางเกง การเข้าห้องน้ำ การกินข้าว การแปรงฟัน การอาบน้ำเช็ดตัว
- การเล่นกับผู้อื่น พ่อแม่ควรเตรียมฝึกฝนการเล่นของลูกในขั้นพื้นฐาน ให้เด็กเรียนรู้วิธีการเล่นและฝึกให้เล่นอยู่ในกติกา
- ความสัมพันธ์ระหว่างมือกับตา การใช้ชีวิตในโรงเรียนทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียนจำเป็นต้องอาศัยรากฐานการใช้มือที่ดีในการเขียนหนังสือ วาดรูป ระบายสีพับกระดาษ ต้องมีการทำงานประสานกันระหว่างมือกับตา และมือสองข้างต้องช่วยกันทำงานร่วมกันได้
- การใช้กล้ามเนื้อใหญ่ ส่งเสริมการออกกำลังกายและการเล่นกลางสนาม เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อแขนขาแข็งแรงทำงานได้คล่อง ทั้งนี้การออกกำลังกายยังเป็นพื้นฐานในการคลายเครียดของชีวิตเด็กนักเรียนได้อย่างง่ายๆ
- การพูดและการสื่อภาษา เมื่ออายุ 3 ปีเด็กจะมีความสามารถนำคำต่างๆ มาผสมจนพูดออกมารู้เรื่องสร้างประโยค พูดได้เข้าใจเนื้อหาได้มากเกินครึ่ง ความสามารถในการพูดและสื่อความหมายจะพัฒนาได้ใกล้เคียงผู้ใหญ่ที่อายุ 7 ปี นอกจากพ่อแม่และคุณครูจะฝึกสอนให้พูดเป็นแล้วยังต้องฝึกให้เด็กกล้าพูดด้วย
- การจัดการกับอารมณ์ของตัวเอง ความกังวลในการพลัดพรากจากคนที่รักเป็นความกังวล พบได้เป็นปกติในช่วงวัย 9 เดือนถึง 3 ปี และจุดอ่อนที่พบได้บ่อยก็คือเมื่อพ่อแม่เห็นลูกร้องไห้มาก หรือไม่ยอมไปโรงเรียน บางครั้งก็ใจอ่อนยอมให้หยุดเรียน หรือกลับมาจากโรงเรียนก็ยิ่งตามใจเพิ่มขึ้น ก็จะยิ่งทำให้เกิดปัญหาตามมาไม่รู้จบและสอนให้รู้จักการแก้ปัญหา รอคอย แบ่งปัน
- การปรับตัว การไปโรงเรียนเป็นแบบฝึกหัดที่ใหญ่สำหรับชีวิตเด็ก พ่อแม่ควรสังเกตบรรยากาศของโรงเรียน และและสร้างความเข้าใจ เพื่อใช้เป็นแรวสนับสนุนในการปรับตัว ปรับใจให้เข้ากับสภาพใหม่ของเด็กได้ในที่สุด
คำแนะนำการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าเรียน (วัยอนุบาล)
- ส่งเสริมความพร้อมของครอบครัว พ่อแม่ควรให้ความรัก ความผูกพัน และความไว้วางใจที่เด็กมีต่อพ่อแม่ เป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้เด็กเชื่อฟัง และปฏิบัติตามที่พ่อแม่สอน เพราะเด็กเรียนรู้สิ่ง ต่างๆรอบตัวจากการสังเกตและเลียนแบบพ่อแม่ สนับสนุนและตอบสนองต่อพฤติกรรมที่เหมาะสมของเด็ก โดยการสร้างแรงจูงใจและแรงเสริม การกำหนดตารางเวลากิจวัตรประจำวันที่ชัดเจน
- การส่งเสริมสุขนิสัยที่ดี ฝึกให้เด็กจัดการกิจวัตรประจำวันด้วยตัวเอง ให้เด็กแปรงฟันด้วยยาสีฟันเด็กอย่างน้อย วันละ 2 ครั้ง ใช้ยาสีฟันขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียว และพ่อแม่ควรแปรงซ้ำ รวมถึงการออกกำลังกาย
- การส่งเสริมสุขนิสัยการนอนที่ดี สร้างบรรยากาศการเข้านอนที่สงบ มีวินัยตามเวลา โดยผ่านกิจกรรมการอ่านหนังสือนิทานกับเด็ก จัดให้นอน 11-12 ชั่วโมง/วัน และนอนกลางวัน เด็กบางคนอาจไม่นอนกลางวัน
- การส่งเสริมสุขนิสัยด้านอาหาร โดยเน้นอาหารที่เหมาะสมกับวัย เน้นอาหาร 5 หมู่เป็นอาหารหลัก 3 มื้อ ร่วมกับดื่มนมสดรสจืด เป็น อาหารเสริมวันละ 2-3 แก้วหรือกล่อง
- คำแนะนำเพื่อความปลอดภัย ให้เด็กนั่งเบาะหลังและมีการใช้ที่นั่งนิรภัยที่เหมาะกับวัย และห้ามทิ้งเด็กไว้ในรถตามลำพังโดยเด็ดขาด รวมถึงสอนเด็กให้ระวังคนแปลกหน้า สอนเด็กให้ระวังอันตรายขณะข้ามถนน ใช้สื่อผ่านจอทุกชนิดรวมแล้วไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน ที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ การป้องกันตัวเองจากการถูกล่วงละเมิด
คำแนะนำการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าเรียน (วัยประถม)
เนื่องจากประถมเป็นวัยที่เข้าสู่ระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน พัฒนาการพร้อมทุกด้านทั้งด้านการสื่อสาร การเคลื่อนไหว การช่วยเหลือตนเอง การควบคุมอารมณ์และ เรียนรู้รอบด้าน ดังนั้นการเข้าโรงเรียนเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ เด็กที่ปรับตัวเข้ากับครูและเพื่อนได้ ทำตามคำสั่งของคุณครูได้จะมีโอกาสที่จะเรียนรู้ได้ดี อยู่ร่วมกับเพื่อนคนอื่นภายใต้กฎระเบียบที่โรงเรียนกำหนด
ดังนั้นการเตรียมเด็กให้พร้อมเข้าโรงเรียนจึงมีความสำคัญครูและพ่อแม่จะต้องช่วยฝึกฝนให้เป็นไปในทิศเดียวกันและต้องเข้าใจความรู้สึกของเด็กให้กำลังใจและคอยสนับสนุนให้เด็กได้เติบโตและปรับตนเองเพื่อเรียนรู้เต็มตามศักยภาพ มีความเป็นอิสระและเป็นตัวของตัวเองเพิ่มขึ้น เด็กจะใช้เวลาอยู่กับเพื่อนและทำกิจกรรมนอกบ้านนานขึ้น อิทธิพลของกลุ่มเพื่อนจะเริ่มมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของเด็กทั้งเชิงบวกและลบ เช่นนี้แล้ว...สำหรับเด็กประถม หมอขอแนะนำการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าเรียนดังนี้ค่ะ
- รักเอาใจใส่ต่อตัวเด็ก ตอบสนองพอเหมาะ สนใจต่อการปรับตัวที่โรงเรียน
- ปรับกฎเกณฑ์กติกาให้เหมาะสมตามวัยและให้ใกล้เคียงกับโรงเรียน
- ให้ช่วยตนเองและผู้อื่น ให้ทำงานบ้าน เพิ่มความสามารถในการแก้ปัญหา
- ฝึกฝนเรื่องความรับผิดชอบต่อตนเอง ต่องานบ้านและการเรียน
- ฝึกฝนให้มีความอดทน อดกลั้น การตรงต่อเวลา รักการอ่าน
- ฝึกฝนเด็กให้เข้าใจอารมณ์ตนเองและการควบคุมอารมณ์ โกรธหรือ เสียใจโดยพ่อแม่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ประมาณ 8-10 ชั่วโมงต่อวัน
- อาหารเช้ามีความสำคัญอย่างมากต่อการเรียนรู้
- ดื่มนมจืดไขมันต่ำ 2-3 แก้วหรือกล่อง/วัน เพื่อให้ได้แคลเซียมที่เพียงพอ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวันหรือมีกิจกรรมที่ออกแรงอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน
- สนับสนุน ช่วยเหลือด้านการเรียน ให้แบ่งเวลาเรียนให้เหมาะสม แนะวิธีจัดการความเครียด
- แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งและใช้ไหมขัดฟัน ใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ในปริมาณที่เหมาะสม
- กำหนดเวลาดูโทรทัศน์ ใช้คอมพิวเตอร์ และ จออิเล็คโทรนิคส์ทุกประเภท ไม่เกิน 1-2 ชั่วโมงต่อวัน โดยเลือกรายการให้เหมาะสมกับวัย นั่งดูร่วมกับเด็กและ มีการพูดคุยชี้แนะ ควรใช้เวลาส่วนใหญ่ทำกิจกรรมอื่น ร่วมกับเด็ก
- สอนให้เด็กว่ายน้ำและให้รู้จักประเมินความ เสี่ยงในการลงเล่นน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติหรือแหล่งน้ำสาธารณะ
- ฝึกให้ขี่จักรยานเมื่ออายุมากกว่า 5 ปี อย่างถูกวิธีและปลอดภัย
- ส่งเสริมการใช้หมวกนิรภัยทุกครั้งที่ใช้จักรยาน
- สอนให้เด็กป้องกันตัวและบอกพ่อแม่หรือ ครู เมื่อมีผู้อื่นมากระทำให้บาดเจ็บหรือปฏิบัติโดยมิชอบต่อร่างกาย
- แนะนำเรื่องโทษของ เหล้า บุหรี่ และสาร เสพติด
บทความโดย
พญ.วรรณวรา อังศุมาศ