" ยิ่งสูงอายุ ยิ่งเสี่ยงสูง "
ปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ มีโอกาสที่จะมีผู้ป่วยโรคงูสวัดเพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้สูงอายุที่มากขึ้น
โรคงูสวัดคืออะไร
งูสวัด (Herpes zoster / Shingles) เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่เรียกว่า วาริเซลลา (Varicella zoster virus: VZV) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสชนิดเดียวกันกับเชื้อไวรัสโรคอีสุกอีใส เชื้อไวรัสชนิดนี้จะยังซ่อนตัวอยู่บริเวณปมประสาทของร่างกาย โดยไม่แสดงอาการใด ๆ แต่เมื่อเราอายุมากขึ้นโดยเฉพาะตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ภูมิต้านทานเราจะลดลงตามวัย และเมื่อใดที่ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำลง เชื้อไวรัสที่แฝงตัวอยู่จะถูกกระตุ้น และจะแบ่งตัวทำให้เส้นประสาทอักเสบ และมีอาการของโรคงูสวัดได้
ใครบ้างที่เป็นกลุ่มเสี่ยงโรคงูสวัด
โรคงูสวัดเป็นโรคทั่วไป สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย การดูแลตัวเองให้ร่างกายแข็งแรงและการฉีดวัคซีนป้องกัน จะช่วยลดการเกิดโรคงูสวัดได้
สาเหตุการที่ทำให้เกิดโรคงูสวัด
โรคงูสวัด เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดเดียวกันกับโรคไข้สุกใส(อีสุกอีใส) หรือเชื้อไวรัสวาริเซลลา (Valricella zoster virus : VZV) โดยหลังจากที่ผู้ป่วยหายจากโรคไข้สุกใสแล้ว เชื้อรัสชนิดนี้จะยังคงซ่อนอยู่ภายในร่างกายไปได้เป็นระยะเวลาหลายปี โดยที่ไม่แสดงอาการใดๆ แต่หากเมื่อใดร่างกายนั้นอ่อนแอและมีภูมิคุ้มกันลดลงกว่าปกติ เชื้อไวรัสที่แฝงตัวอยู่จะแบ่งตัว ทำให้เส้นประสาทอักเสบ และเกิดอาการของโรคงูสวัดได้ทันที
วิธีแพร่กระจายของเชื้อที่เป็นสาเหตุทำเกิดโรคงูสวัด
โรคงูสวัดเป็นโรคติดต่อที่แพร่เชื้อกระจายได้ง่าย ดังนั้นควรแยกผู้ป่วยโรคงูสวัดออกจากผู้ที่ไม่เคยเป็นโรค โดยเฉพาะ กลุ่มผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้หญิงมีครรภ์
ความแตกต่างระหว่างโรคงูสวัดกับโรคไข้สุกใส
โรคไข้สุกใส - ผื่นมีการกระจายทั่วร่างกาย
โรคงูสวัด – ผื่นมีลักษณะพาดเป็นแนวยาว ขึ้นเฉพาะตามแนวเส้นประสาทที่ไวรัส VZV ซ่อนอยู่ โดยเริ่มจากเกิดผื่นแดง แล้วจึงเกิดเป็นตุ่มนูนใส บวม แตก และตกสะเก็ด
อาการของโรคงูสวัด
อาการปวดของโรคงูสวัด
เมื่อเกิดโรคงูสวัด เชื้อไวรัสจะแพร่กระจายตามเส้นประสาทรับความรู้สึก จึงทำให้เกิดการอักเสบของเส้นประสาทร่วมด้วยเสมอ อาจจะเกิดชั่วคราวหรือจะเกิดรุนแรงจนเป็นถาวร โดยจะมีอาการปวดแสบร้อนบริเวณผิวหนัง มีผื่นแดงขึ้นตรงบริเวณที่ปวดแล้วกลายเป็นตุ่มน้ำใส มักเรียงกันเป็นกลุ่มหรือเป็นเเถวยาวตามแนวเส้นประสาท ต่อมาจะแตกออกเป็นแผลและตกสะเก็ด หลังจากผื่นงูสวัดหายแล้วยังคงมีอาการปวดแสบปวดร้อนหรือปวดแบบเหมือนมีเข็มมาทิ่มแทง
อาการของโรคงูสวัดจะรุนแรงกว่าโรคไข้สุกใส และหากไม่รีบรักษา อาจนำไปสู่การเกิดภาวะแทรกซ้อนได้
ภาวะแทรกซ้อนของโรคงูสวัด
ภาวะแทรกซ้อนบางอย่างอาจเป็นอันตรายแก่ชีวิตหากได้รับการรักษาที่ล่าช้า แต่มักพบได้น้อย โดยภาวะแทรกซ้อนที่พบได้ในผู้ป่วยโรคงูสวัด ได้แก่
ผู้ป่วยอาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังหากตุ่มน้ำบนผิวหนังแตกและไม่ได้รับการรักษาที่ดีพอ และอาจเสี่ยงต่อการอักเสบที่อวัยวะต่าง ๆ จากการที่เส้นประสาทในอวัยวะติดเชื้อไวรัส โดยอาการอักเสบที่อันตรายอันเกิดจากภาวะแทรกซ้อนงูสวัด เช่น ปอดอักเสบ ตับอักเสบ ไข้สมองอักเสบ ไขสันหลังอักเสบ รวมถึงเยื่อหุ้มสมองอักเสบที่อาจเกิดได้น้อยมาก
เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้ทั่วไป โดยเฉพาะผู้ป่วยอายุ 50 ขึ้นไป ผู้ป่วยจะรู้สึกปวดแสบเหมือนโดนเข็มตำบริเวณที่เคยเป็นงูสวัด ผิวหนังมักไวต่อการสัมผัส ทำให้รู้สึกเจ็บหรือปวดได้ง่าย และอาการอาจกำเริบเมื่ออากาศเกิดเปลี่ยนแปลง อาการนี้มักจะหายในระยะเวลา 3–6 เดือน แต่บางรายก็อาจกินเวลาหลายปีหรือเป็นต่อเนื่องไปตลอดได้
หากเชื้องูสวัดกระจายไปที่บริเวณดวงตาก็อาจก่อให้เกิดปัญหาอาการปวดตาจากแผลในกระจกตา การติดเชื้อที่เส้นประสาทตา บางรายอาจมีปัญหาต้อหิน ซึ่งอาจส่งผลต่อการมองเห็นได้
โรครัมเซย์ฮันท์ ซินโดรม เป็นโรคที่เกิดจากการที่เชื้อไวรัสเข้าไปทำลายเส้นประสาทสมอง ส่งผลให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น ปวดหู การได้ยินลดลง เวียนหัว บ้านหมุน ได้ยินเสียงหึ่ง ๆ เกิดตุ่มน้ำภายในหู เสียการรับรู้รสชาติอาหาร ใบหน้าซีกใดซีกหนึ่งเบี้ยว ซึ่งจะต้องได้รับการรักษาภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากเกิดอาการ
ผู้หญิงที่เป็นงูสวัดขณะตั้งครรภ์ เชื้ออาจแพร่ไปยังทารกในครรภ์ ทำให้ทารกเกิดความผิดปกติ เช่น มีแผลเป็นตามตัว แขนขาลีบ ศีรษะเล็ก และมีปัญหาทางสมองได้
ความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับโรคงูสวัด : โรคงูสวัดพันรอบตัวแล้วตาย
ผู้ป่วยบางราย ผื่นของโรคงูสวัดอาจเกิดขึ้นได้พร้อมกันทั้งสองด้าน ซ้ายและขวาจนดูเหมือนว่างูสวัดพันรอบตัว แต่ในความจริงแล้ว ผู้ที่เป็นโรคงูสวัดแล้วเสียชีวิต อาจเกิดจากภูมิคุ้มกันต่ำร่วมกับภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวเนื่องด้วยโรคงูสวัด การติดเชื้อโรคงูสวัดจะทำให้ร่างกายอ่อนแอ และเสียชีวิตไปในที่สุด
การรักษาโรคงูสวัด
การปฏิบัติตัวของผู้ป่วยโรคงูสวัด
วิธีการป้องกันโรคงูสวัด
โรคงูสวัด สามารถรักษาได้ แต่ไม่หายขาด ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงวัย ผู้ที่เคยเป็นโรคสุกใสมาก่อน หรือเมื่อมีภูมิคุ้มกันต่ำ หากเริ่มมีอาการผื่นคัน ตุ่มน้ำใส เจ็บแสบบริเวณแผล หากไม่ได้รับการรักษา อาจทำเกิดภาวะแทรกซ้อน ผู้ที่มีอาการของโรคงูสวัดจึงควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่อย่างเหมาะสมและถูกต้อง นอกจากการป้องกันโรคด้วยตัวเอง มีร่างกายที่แข็งแรงแล้ว ก็มีความเสี่ยงที่เป็นโรคงูสวัดได้ แพทย์จึงแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคงูสวัด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่มีประสิทธิภาพสูง
พญ.รุ่งระวี รัตน์รวีวงศ์
แพทย์ประจำศูนย์ตรวจสุขภาพ
อ่านเพิ่มเติม
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน