ระเบียบปฏิบัติการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงาน
ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
ผู้รับผิดชอบคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงาน คือ แผนกสรรหาว่าจ้างและสวัสดิการ
ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม
บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงาน ดังต่อไปนี้
1. ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานเฉพาะที่จำเป็นเพื่อใช้ในการยืนยันตัวตน และพิจารณาความเหมาะสมกับตำแหน่งงานที่สมัครเท่านั้น ประกอบด้วย ชื่อ ที่อยู่ สถานที่ติดต่อ เบอร์โทร email ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน การอบรม และค่าจ้าง รวมถึงใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ (กรณีสมัครงานตำแหน่งพนักงานขับรถยนต์) โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้สมัครงาน เนื่องจากเป็นการเก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลจากฐานสัญญา
2. ข้อมูลอาชญกรรม เฉพาะตำแหน่งที่ระบุไว้ในคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งงาน ซึ่งจะดำเนินการเก็บข้อมูลตามที่กฎหมายกำหนด
3. ข้อมูลสุขภาพ เฉพาะส่วนที่มีผลกระทบต่อการทางาน โดยได้รับข้อมูลเบื้องต้นโดยตรงจากการแจ้งของผู้สมัครงานเอง และรับข้อมูลจากโรงพยาบาลที่ผู้สมัครงานไปทำการตรวจสุขภาพ โดยไม่ต้องขอความยินยอม เนื่องจากเป็นการเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดในการประเมินความสามารถในการทำงาน และควบคุมโรคติดต่อ
แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานจาก 2 ช่องทาง ดังนี้
1. บริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากผู้สมัครงานโดยตรง โดยบริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานจากขั้นตอนการให้บริการ ดังนี้
1.1 ขั้นตอนการสมัครงานกับบริษัท จากใบสมัครงาน หรือ CV ที่ผู้สมัครงานจัดส่ง
1.2 จากความสมัครใจของผู้สมัครงาน ในการให้เอกสารข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานเพื่อยืนยันข้อมูลกับใบสมัครงาน ประกอบด้วย สำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน ใบรับรองการศึกษาใบรับรองประวัติการทางาน สลิปเงินเดือน
1.3 การขอใช้สิทธิของผู้สมัครงาน
2. บริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานมาจากบุคคลที่ 3 ดังต่อไปนี้
2.1 ข้อมูล CV Resume จากบริษัทจัดหางาน หรือ บริษัทที่ทำหน้าที่ Headhunter โดยได้รับข้อมูลด้วยวิธีการ ดังต่อไปนี้
(ก) ได้รับทาง email
(ข) ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์
(ค) ได้รับเป็นเอกสาร
การแจ้งวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมและสิทธิของผู้สมัครงาน
บริษัทจะแจ้งวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมและสิทธิของผู้สมัครงานให้ทราบจากหนังสือแจ้งการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานที่แนบพร้อมใบสมัครงาน หรือการแจ้งด้วยวาจาให้ผู้สมัครงานทราบโดยตรงเมื่อเข้ามารับการสัมภาษณ์งาน
การเก็บรวบรวม การใช้หรือเปิดเผยข้อมูล
1) วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูล
บริษัทจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานเพื่อใช้ในการยืนยันตัวตน และการพิจารณาคุณสมบัติของผู้สมัครงานในการบรรจุเข้าเป็นพนักงาน
2) ลักษณะการเก็บจัด แบ่งเป็น
– เอกสารไว้ที่แฟ้มเอกสารผู้สมัครงานภายในตู้เอกสารของฝ่ายทรัพยากรบุคคลและบริหารกลางในส่วนของงานสรรหาว่าจ้าง
– จัดเก็บเป็นไฟล์เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ ไว้ที่โฟลเดอร์เฉพาะของงานสรรหาและว่าจ้าง
3) ระยะเวลาจัดเก็บ บริษัทจะเก็บข้อมูลพนักงานจากขั้นตอนการสมัครงานจนถึงการสัมภาษณ์งาน และเก็บรักษาข้อมูลของ
ผู้สมัครงานจนเสร็จสิ้นการพิจารณาการสมัครงานที่ผู้สมัครงานได้ทำการสมัครไว้ในตำแหน่งนั้น โดยหากผู้สมัครงานไม่ผ่านการพิจารณาความเหมาะสมกับตำแหน่งงานที่สมัครบริษัทจะทำลายข้อมูลนั้นภายใน 180 วัน
4) เมื่อพ้นระยะเวลาจัดเก็บ หรือบริษัทไม่มีสิทธิ หรือไม่สามารถอ้างฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานแล้ว บริษัทจะดำเนินการทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ด้วยเครื่องย่อยเอกสาร และลบไฟล์ข้อมูลทั้งหมดออกจากระบบ
5) การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
เมื่อบริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว บริษัทจะดำเนินการ ดังนี้
– เก็บรวบรวม ผู้ที่ผ่านการพิจารณาเบื้องต้นจะทำการพิมพ์เป็นเอกสารออกมาเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการสัมภาษณ์งาน
– เปิดเผยข้อมูล เฉพาะคณะกรรมการสัมภาษณ์เพื่อคัดเลือกบุคคลเข้าทางาน
การป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงาน
บริษัทจะปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานสำหรับข้อมูลเอกสารจะเก็บไว้ในแฟ้มเอกสารผู้สมัครงานภายในตู้เอกสารของฝ่ายทรัพยากรบุคคลและบริหารกลางในส่วนของงานสรรหาและว่าจ้าง ซึ่งผู้บังคับบัญชาเท่านั้นที่จะมีกุญแจ และทำการปิดล็อกกุญแจเสมอ
สำหรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์จะทำการป้องกัน โดยการกำหนดให้ผู้ประมวลผลเท่านั้นที่มีสิทธิในการพิมพ์ หรือทำสำเนา ก่อนเก็บรักษาข้อมูลไว้ที่โฟลเดอร์เฉพาะข้อมูลผู้สมัครงานและทำเป็นโฟลเดอร์ย่อยของแต่ละฝ่าย ซึ่งจะมีการจำกัดสิทธิให้เข้าถึง (Access Control) ได้เฉพาะผู้ประมวลผล และผู้พิจารณาการสรรหาและว่าจ้าง ในแต่ละตำแหน่งงาน
ผู้สมัครงานมีสิทธิในการดำเนินการ ดังต่อไปนี้
1) สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม ผู้สมัครงานมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ผู้สมัครงานได้ให้ความยินยอมกับบริษัทได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานอยู่กับบริษัท
2) สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ผู้สมัครงานมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงาน และขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ผู้สมัครงาน รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ผู้สมัครงานไม่ได้ให้ความยินยอมต่อบริษัทได้
3) สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง ผู้สมัครงานมีสิทธิในการขอให้บริษัทแก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือเพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์
4) สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล ผู้สมัครงานมีสิทธิในการขอให้บริษัททำการลบข้อมูลของผู้สมัครงานด้วยเหตุบางประการได้
5) สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ผู้สมัครงานมีสิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานด้วยเหตุบางประการได้
6) สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล ผู้สมัครงานมีสิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานที่ผู้สมัครงานให้ไว้กับบริษัทไปยัง ผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่นหรือตัวผู้สมัครงานเองด้วยเหตุบางประการได้
7) สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ผู้สมัครงานมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานด้วยเหตุบางประการได้
ทั้งนี้ ผู้สมัครงานสามารถติดต่อมายังเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO) เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องขอดำเนินการตามสิทธิข้างต้น โดยผู้สมัครงานไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ในการดำเนินตามสิทธิข้างต้น โดยบริษัทจะพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาตามคำร้องของผู้สมัครงานภายใน 30 วันนับแต่วันที่บริษัทได้รับคำร้องขอดังกล่าว ได้ที่ แผนกสรรหาว่าจ้างและสวัสดิการ
บริษัท ปทุมรักษ์ จำกัด
เลขที่ 733/345,733/359 หมู่ที่ 8 ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี
บริษัท ปทุมรักษ์เวชการ จำกัด
เลขที่ 733/345,733/359 หมู่ที่ 8 ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี
หมายเลขโทรศัพท์ 02-998-9999 ต่อ 4641
Email: recruit@patrangsit.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน